📌 ทำไมต้องใช้ สูตรเปลี่ยนวันที่ที่เป็นตัวหนังสือ ให้เป็นรูปแบบวันที่
ข้อมูลวันที่ที่ถูกเก็บมาในรูปแบบ ข้อความ (Text) เช่น “21 สิงหาคม 2025” หรือ “August 21, 2025” ไม่สามารถนำไปคำนวณใน Excel ได้โดยตรง เราจะไม่สามารถหาผลต่างระหว่างวัน, จัดกลุ่ม PivotTable หรือใช้ฟังก์ชัน EOMONTH, NETWORKDAYS ได้ ดังนั้นการเปลี่ยนข้อความเหล่านี้ให้เป็น รูปแบบวันที่จริง (Date Format) จึงสำคัญมาก

📊 ตัวอย่างการใช้งาน สูตรเปลี่ยนข้อความวันที่
1. แปลงข้อความวันที่ภาษาอังกฤษ
=DATEVALUE("August 21, 2025")
Excel สามารถอ่านข้อความวันที่ภาษาอังกฤษได้โดยตรง
2. แปลงข้อความวันที่ภาษาไทย
ถ้าพิมพ์เป็น “21 สิงหาคม 2025” Excel มักจะไม่รู้จักตรง ๆ จำเป็นต้องเปลี่ยน Region หรือใช้วิธีเสริม เช่น:
=DATE(2025,8,21)
หรือเขียน VBA เสริมเพื่อแมปชื่อเดือนภาษาไทยกับตัวเลข
3. ใช้ VALUE กับข้อความที่ Excel อ่านได้
=VALUE("21 Aug 2025")
4. ใช้ Text to Columns
เลือกคอลัมน์ → Data → Text to Columns → เลือกรูปแบบ Date (DMY หรือ MDY) → Finish
5. แปลงข้อความตัวเลขแบบไม่เว้นวรรค เช่น “21082025”
=DATE(RIGHT(A2,4),MID(A2,3,2),LEFT(A2,2))
📥 ดาวน์โหลดไฟล์ตัวอย่างที่นี่ ⬇️
💡 ประโยชน์ของ สูตรเปลี่ยนข้อความเป็นวันที่
- ใช้ต่อในสูตรอื่น เช่น DATEDIF, NETWORKDAYS, EOMONTH
- จัดกลุ่มรายงานรายวัน รายเดือน รายปี ได้ถูกต้อง
- ลดปัญหาวันที่เป็น Text ที่ทำให้ PivotTable ไม่สรุปผล
- ทำ Data Cleaning ได้ง่ายขึ้นเมื่อ Import ข้อมูล
📝 สรุปส่งท้าย
หากคุณต้องเจอกับวันที่ที่เป็น ข้อความ เช่น “21 สิงหาคม 2025” หรือ “August 21, 2025” สิ่งสำคัญคือต้องเปลี่ยนให้เป็น Date Format จริง ๆ ก่อน เพราะ Excel จะมองข้อมูลเหล่านี้ต่างจากวันที่ปกติ การใช้ DATEVALUE, VALUE, Text to Columns หรือแม้กระทั่งสร้างสูตร DATE จากการแยกข้อความด้วย LEFT, MID, RIGHT จะช่วยทำให้ไฟล์พร้อมใช้งาน
เมื่อเปลี่ยนได้แล้ว คุณจะสามารถใช้สูตรวันเวลาต่าง ๆ ได้เต็มที่ ทั้งการหาค่าต่างของวัน, คำนวณอายุ, ทำรายงานรายเดือน หรือสร้างปฏิทินอัตโนมัติใน Excel ได้ง่ายขึ้นมาก





